โอวาทธรรม ของหลวงปู่มั่น บันทึกโดยหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร พ.ศ.๒๔๘๓ ณ วัดป่าโนน
นิเวศ จ. อุดรธานี
- ในโลกนี้เป็นธาตุทั้งนั้น ให้รู้เท่าทันกับธาตุ อย่าหลงตามธาตุ
- ให้เป็นปัจจุบันธรรม อย่าส่งจิตออกนอก
- ธาตุ ๘๔,๐๐๐ ธาตุออกมาจากจิตหมด
- นิโรธเป็นของดับ เพราะรู้เท่าแล้ว จิตไม่เกิดยินดียินร้าย ดับไปเช่นนี้ ชื่อว่า นิโรธ
- แสดงฌานเป้นที่พักชั่วคราวแล้วเจริญจิตต่อๆไป
- ให้เอากาย วาจา ใจ นี้ยกขึ้นพิจารณา อย่าเพิ่ม อย่าเอาออก ให้เห็นเป็นปกติ
- มรรค ๘ นั้น สมาธิมรรคเป็นองค์ ๑ นอกนั้นเป็นปริยาย
- ให้รู้ธรรมะและอาการของธรรมถึงชั้นละเอียด แล้วจะรู้เองเห็นเอง
- ถ้าส่งจิตรู้เห็นนอกกายเป็นมิจฉาทิฏฐิ ให้รู้เห็นอยู่ในกายกับจิตนั้นเป็นสัมมาทิฏฐิ
- นักปฏิบัติใจต้องเด็ดเดียว กล้าหาญที่สุด จึงจะรู้ธรรมเห็นธรรม
- เกิดตาย เกิดแล้วตาย ชมแต่หนังของเก่า ไม่หันไปหาที่จะพ้นทุกข์
- ทำจิตให้เสมอ อย่าขึ้น อย่าลง อย่าไป อย่ามา ให้รู้เฉพาะปรกติของจิต
- แสดงฐานของธรรมะเป็นบ่อเกิดอริยสัจจ์ของจริง
- แสดงตนดูถูกท่านว่าท่านเป็นคนโกรธ เพราะผู้ฟังไม่เห็นตามความเป็นจริง เพราะยุ่งแต่จิตของตัวเท่านั้น
- เกิดความรู้อย่างวิเศษแล้ว ย่อมหาอานิสงส์ประมาณมิได้
- อตฺตาหิ….ฯลฯ เป็นของลึกลับเหลือที่สุด
- ให้รู้ธาตุเห็นธาตุ จิตจึงไม่ติดทางราคะ
- คนเราจะดี จะชั่ว ต้องเกิดวิบัติเสียก่อน
- ท่านแสดงไม่อ้างสวรรค์ นิพพาน ไม่ต้องทุคติ อ้างความเป็นไปทางปัจจุบันอย่างเดียว เพราะชั่วดีก็ปัจจุบันที่ยังเป็นชาติมนุษย์
- ความรู้ของพระพุทธเจ้าเป็นอนันตนัย มากมายยิ่งกว่า ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ เป้นอุบายที่จะทรมาณสัตว์ พ้นวิสัยของสาวกที่จะรู้ตาม เห็นตามได้ สาวกกำหนดรู้แต่เพียง ๘๔,๐๐๐ เท่านี้ก็เป็นอัศจรรย์
- ท่านกำชับว่าอย่าให้จิตเพ่งนอก ให้รู้ในตัวเห็นในตัว เมื่อรู้ในตัวเห็นในตัวแล้ว รู้ทั่วไปเพราะตัวเป็นเหตุ
- ให้แก้ปัจจุบัน เมื่อแก้ปัจจุบันได้แล้ว ภพ ๓ นั้นหลุดหมด ไม่ต้องส่งอดีต อนาคต ให้ลบอารมณ์ภายนอกให้หมด จึงจะเข้าอารมณ์ภายในได้ เพ่งนอกเป็นตัวสมุทัยเป็นทุกข์ และเป็นตัวมิจฉาทิฏฐิ เพ่งในเป็นตัวสัมมาทิฏฐิ
- เล่นนิมิตก็ดี ยินดรยินร้ายก็ดี เรียกว่า คุ้มเงาตน เชื่อนิมิตเป็นบ้า
- เราต้องการของดี คนดีจำต้องฝึก ฝึกจนดี จะพ้นฝึกไปไม่ได้ งานอะไรก็ต้องฝึกทั้งนั้น ฝึกงาน ฝึกตน ฝึกสัตว์ ฝึกตน ฝึกใจ นอกจากตายแล้วจึงหมดการฝึก คำว่า ดี จะเป็นสมบัติของผู้ฝึกดีแล้วแน่นอน พระธรรมเทศนาหลวงปู่มั่น จาก ขันธติวิมุติสะมังคีธรรม
- พระอานนท์ทำความเพียรในกายวิปัสสนา กำหนดจิต โดยมิได้ละจนขาตรงทีเดียว จึงได้ทอดกายด้วยสติ หัวยังไม่ถึงหมอน จิตก็เข้าสู่ภวังค์ภวังค์หายไป เกิดความรู้ เญยธรรม ทั้งหลาย ฯ"
- พระโมคคัลลาน์ สารีบุตรล้วนแต่เกิดในตระกูลมิจฉาทิฐิ โมคคัลลาน์สั่งสอนแม่ไม่ได้เลยทีเดียวฯ"
- เหตุปจจโย โหติ ธรรมทั้งหลายเกิดเพราะเหตุดับเพราะเหตุฯ"
- อย่าเชื่ออภิญญาฯ ปฏิบัติเพื่อลาภ ยศ สรรเสริญเป็นอาบัติทุกกฏ"
- ธรรมเป็นของเย็น พระกรรมฐานอยู่ที่ไหนสัตว์ป่าต้องอาศัยอยู่ หมูป่าเห็นคฤหัสถ์เป็นยักษ์เป็นมาร เบียดเบียนสัตว์ยิงจนไม่มีเหลือ เสือภูวัว ท่านอาจารย์ทำอุโบสถ มันมาร้อง เมื่อฟังปาติโมกข์จบแล้วมันก็หายไป ท่านอาจารย์มั่นคุ้นเคยสัตว์เหล่านี้ ท่านรู้วาระจิตสัตว์เหล่านี้เป็นมิตรสหายกันด้วยธรรมเครื่องเย็นใจ
- สัตว์เดจัจฉาน เขาก็มีสัญญา ปัญญานามธรรม รู้เหมือนกับมนุษย์แต่เขาพูดไม่ได้"
- ธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นนั้นอย่าย้าย มันเต็มแล้วมันย้ายเองท่านเตือนท่านมหาบัว ฉะนั้นพระโยคาวจรเจ้า ละกิเลสส่วนใดได้แล้ว ท่านไม่กลับมาละอีกเพราะมรรคประหารสิ้นไปแล้วเดินหน้าแก้กิเลสใหม่เรื่อยไปจนละกิเลสรอบ ไม่เกิดอีกนี้ก็เป็นอัศจรรย์"
- ให้ง้างกายเป็นนิจนั้นดีอย่าให้มันหุ้ม
- สถานที่เข็ดขวาง ท่านบอกว่าเป็นพวกเปรตต้องทำบุญให้ทานอุทิศถึง เขาก็ได้รับ อนุโมทนา หายไปเกิด ณที่อื่นฯ"
- ท่านไม่ชอบฤทธิ์ ชอบภาวนาให้สิ้นกิเลสฤทธิ์ทั้งหลายเกิดด้วยกำลังสมถะ ฌานสมาบัติทั้งนั้นใช้วิปัสสนาอย่างเดียวไม่มีฤทธิ์ สำเร็จอรหันต์
- ฝึกหัดจิตดีแล้วจิตเข้มแข็งมีอำนาจมาก ย่อมกระทำจิตสารพัดได้ทุกอย่าง เมื่อเห็นอำนาจของจิตแล้วและเห็นกายเป็นของอ่อน จิตบังคับกายได้ฯ
- เขาโกรธเรา แต่เราอย่าตอบให้พิจารณาความบริสุทธิ์ละลาย แล้วยกธงชัยขึ้น และมีอะไรก็สงเคราะห์เขาผู้ประมาทไม่นาน เขากลับคืนดีไม่กลับคืนดีก็วิบัติถึงตายทีเดียว
- ใครจะไปบังคับจิตนั้นไม่ได้เลยต้องสอนจิตให้อยู่ด้วยอุบายแม้คำสั่งสอนของพระองค์ล้วนแต่เป็นนโยบายทั้งนั้น เหตุนั้น ท่านจึงไม่ชี้อุบายตรงๆ ลงไปทีเดียวจึงชักอื่นมาเปรียบเทียบฯ"
- นิมิตทั้งหลายเกิดด้วยปีติสมาธิอย่างเดียวที่แสดงเป็นนิมิตออกมาอย่าหลงตามนิมิตให้ทวนกระแสเข้าจิตเดิมเพราะนิมิตเป็นของไม่เทียง หลงเชื่อนิมิตประเดี๋ยวเป็นบ้า
- ปฏิภาคนิมิตเกิดเฉพาะผู้ที่มีวาสนาอย่างเดียวการภาวนาอย่าให้ทิ้งกายกับจิตนี้เป็นกรรมฐานเดิมแต่ให้จิตเด็ดเดี่ยวอย่างที่สุดจึงเป็นผู้ที่รู้ธรรมในธรรมฯ
- ให้เป็นมหาสติ มหาปัญญา รอบกาย รอบจิตมรณะร้ายมาถึงแล้ว ต้องเข้าแย่งกันในช่องแคบ แม้โพธิสัตว์ชนะมารชนะในช่องแคบ
- สนิมมันเกิดในเนื้อเหล็ก กิเลสมันเกิดในดวงจิตต้องประหารจิตให้เป็นธรรม"
- ในโลกนี้เป็นอัตตาหมด ไม่มีต้นไม้และภูเขาวิปัสสนา ลบล้างหมด ไม่มีเชื้อโรคอยู่ในโลกชื่อว่า ..โลกุตระ.. "
- เรื่องกรรมฐาน 5 ภาวนาให้มาก ในร่างกายเห็นอสุภะเป็นยาปรมัตถ์แก้จิตพระเณรที่บรรพชาอุปสมบทล้วนแต่พระอุปัชฌายะให้กรรมฐาน 5 มาทั้งนั้น เป็นหลักสำคัญที่กุลบุตรจะภาวนารู้แจ้งในรูปธรรมเป็นสันทิฏฐิโกเห็นเอง เบื่อหน่ายรูปธรรม อรูปธรรมและเห็นนามธรรม ไปพร้อมกัน
- การนอน การสงบเข้าฌาน เป็นอาหารของจิตและร่างกายอย่างหนึ่งสมถะต้องพักจิตสอบอารมณ์ ส่วนวิปัสสนาจิตเดินไตรลักษณ์ให้รู้อริยสัจเหนื่อยแล้วเข้าพักจิต พักจิตหายเหนื่อยแล้ว จิตตรวจอริยสัจอีกดังนี้ ฉะนั้นให้ฉลาดการพักจิตการเดินจิตทั้งวิปัสสนาและสมถะพระโยคาวจรเจ้าทิ้งไม่ได้ชำนิชำนาญทั้งสอง
- วิธีจึงเอาตัวพ้นจากกิเลสทั้งหลายไปได้เป็นมหาศีล เป็นมหาสมาธิ เป็นมหาปัญญามีศีลทั้งอย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด พร้อมทั้งจิต เจตสิก พร้อมทั้งกรรมบถ10 ไม่กระทำผิดในที่ลับและที่แจ้งสว่างทั้งภายในและภายนอก มีมหาสติรอบคอบหมด วิโมกข์วิมุติ อกุปธรรม จิตบริสุทธิ์ จิตปกติ เป็นจิตพระอรหันต์สว่างแจ้งทั้งภายนอกภายในสว่างโร่ ปุถุชนติเตียน เกิดบาป เพราะพระอรหันต์บริสุทธิ์กายเป็นชาตินิพพาน วาจา ใจ เป็น ชาตินิพพาน นิพพานมี 2 อย่าง นิพพานยังมีชีวิตอยู่ 1 นิพพานตายแล้ว 1 พระอรหันต์รอขึ้นรถขึ้นเรือไปนิพพานฉะนั้น"
- สุทโธทนะห้ามพระองค์ไม่ให้ไปบิณฑบาตกรุงกบิลพัสดุ์ เราไม่อดพระองค์ตอบว่าไปตามประเพณีพระพุทธเจ้าสุทโธทนะฟังโอวาทแล้วได้โสดาบัน"
- ให้เห็นปัจจุบันธรรมอย่าส่งจิตอนาคตและอดีตฯ"
- ปัญญากับสติให้รู้เท่าทันกัน พิจารณากาย จิตความไม่เที่ยงของสังขารเป็นธรรมะส่อให้เห็นเรื่อยๆ ทำความรู้ในนั้นเห็นในนั้นฯ"
- ในโลกนี้เป็นธาตุทั้งนั้น ให้รู้เท่าทันกับธาตุอย่าหลงตามธาตุฯ"
- มหาสติเรียนกายจิตให้มากๆ ให้เห็นจริงธรรมะจริง สมมุติอย่าหลงรูป เสียง กลิ่น รส ของอันนี้เต็มโลกอยู่เช่นนั้นฯ"
- ธาตุ 84,000 ธาตุออกมาจากจิตหมดฯ"
- นิโรธเป็นของดับเพราะรู้เท่าแล้วจิตไม่เกิดยินดียินร้าย ดับไป เช่นนี้ชื่อว่านิโรธฯ
- ฌานเป็นที่พักชั่วคราวแล้วเจริญจิตต่อๆไปฯ"
- ให้เอากายวาจาใจนี้ยกขึ้นพิจารณา อย่าเพิ่มอย่าเอาออก ให้เป็นปกติฯ"
- มรรค 8 นั้น สมาธิมรรคเป็นองค์ 1 นอกนั้นนั้นเป็นปริยายฯ"
- ให้รู้ธรรม และอาการของธรรมถึงขั้นละเอียดแล้วก็จะรู้เองเห็นเองฯ"
- พระอานนท์ทรงไว้ซึ่งพระสัทธรรม ว่าเป็นของภายนอกต่อหันเข้ามาปฏิบัติภายในจึงสำเร็จฯ"
- หนังคนในโลกยินดีในหนังและเครื่องอุปโภคบริโภค หนังอันนี้ทำให้มนุษย์หลงยินดีพากันตกทุกข์กันมากฯ"
- ธรรมธาตุ สัตว์หลงธาตุ ชมธาติ ยินดีธาตุ ยินร้ายธาตุจึงได้กรรมไปต่างๆฯ"
- เรียนแบบตำราเป็นของที่ไม่แน่นอนสู้เรียนทางกายและจิตให้เป็นธรรมชาติไม่ได้ ฉะนั้น ผู้เรียนกายวาจาจิตไม่ใคร่สึกปฏิบัติแต่ธรรมที่รู้ยิ่งเห็นจริงฯ"
- ปัจจุบันให้รู้ทางจิตฯ
- ปฏิภาคเป็นเรื่องของปัญญาฯ
- ให้เรียนทางจิตทวนกระแสตัดรากเหง้าเครื่องผูกดุจรื้อเครื่องฟัก"
- ปฏิภาคนิมิต เป็นปาฏิหาริย์ของจิตมีอำนาจทำให้เป็นอากาศว่างเปล่าได้ อันเป็นอัศจรรย์ใหญ่หลวงฯ
- ผู้มีราคะย่อมเศร้าโศกเสียใจเพราะราคะฯ"
- เกิดตาย เกิดแล้วตาย ชมแต่หนังของเก่าไม่หันไปหาทางที่จะพ้นทุกข์ฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น